DUNE 2 REVIEW (DUNE PART 2) THE ADVENTURE ON ARRAKIS COMES TO A CONCLUSION

Dune 2 Review (Dune Part 2) The adventure on Arrakis comes to a conclusion

Dune 2 Review (Dune Part 2) The adventure on Arrakis comes to a conclusion

Blog Article

รีวิว Dune 2 (ดูน ภาคสอง) การผจญภัยบนอาราคิสสู่บทสรุป


Dune-2-Review-Dune-Part-2-The-adventure-on-Arrakis-comes-to-a-conclusion

ข้อมูลหนัง : Dune 2 (ดูน ภาคสอง)


ประเภท : แอคชัน / ผจญภัย / แฟนตาซี / ดรามา


นำแสดงโดย : ทิโมธี ชาลาเมต์, เซนเดยา, รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน, จอช โบรลิน


กำกับโดย : เดอนี วีลเนิฟว์


กำหนดฉาย : 29 กุมภาพันธ์ 2024


ความยาว : 166 นาที


 

เรื่องย่อ


 Dune: Part Two (ดูน ภาคสอง) ภาคต่อที่ยกระดับขึ้นทุกด้าน เนื้อหาการเมืองสุดเข้มข้น พร้อมกับงานภาพสุดอลังการงานสร้าง ควรค่าแก่การรับชมในระบบ IMAX บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า หนังใหม่

 

เรื่องราวในภาคนี้จะต่อเนื่องจากเหตุการณ์ใน Dune ภาคแรก หลังจากที่พ่อและคนในครอบครัวถูกสังหาร Paul Atreides (รับบทโดย Timothée Chalamet) และ Lady Jessica แม่ของเขาได้หลบหนีไปอยู่กับ Chani ในเผ่าเฟรเมน โดยจะติดตามเรื่องราวการเดินทางของ Paul ที่วางแผนหาทางที่จะล้างแค้นคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของพ่อและครอบครัวของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องเผชิญกับทางเลือกระหว่างความรักหรือชะตากรรมของจักรวาล ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไรนั้น ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง

 

สำหรับหนังเรื่องนี้บอกเลยว่าผมตั้งตารอมานานมากๆ เพราะชอบภาคแรกมาก พอภาคนี้เข้าฉายผมก็รีบไปดูเลยตั้งแต่วันแรก และบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ หนังทำออกมาดีมาก ดีมากกว่าภาคแรกเสียอีก อิ่มเอมสุดๆ สนุกและดูเพลินมาก คือหนังยาวเกือบ 3 ชั่วโมงแต่ไม่ได้รู้สึกทรมานหรือเบื่อเลย เรื่องราวทั้ง 2 ภาคมันต่อเนื่องกันแบบลื่นไหลมากจนเหมือนเป็นหนังเรื่องเดียวกัน รายละเอียดทุกอย่างดีงามจนอยากซ้ำอีกหลายๆ รอบเลย

 

บทเขียนมาดีเหมือนเดิม แต่เนื่องจากภาคแรกเขาได้ปูเรื่องราวเอาไว้หมดแล้ว ภาคนี้การดำเนินเรื่องมันเลยไวขึ้นและสนุกขึ้น เนื้อหาเข้มข้นมากและดูเพลินมาก เราได้เห็นการเดินทางของพระเอก เห็นพํฒนาการของพระเอกอย่างชัดเจน จัดลำดับการเล่าเรื่องได้ดีมากๆ ขนาดคุยกันซะส่วนใหญ่ผมก็ยังไม่รู้สึกว่ามีช่วงไหนน่าเบื่อเลย ทุกซีนในเรื่องมันสำคัญและมีความหมายหมด อีกสิ่งที่ในภาคนี้ยังคงทำได้ดีเหมือนเดิมเลยก็คือไดอะล็อกบทพูดของตัวละคร มีซีนที่น่าจดจำหลายซีนมาก บทพูดพวกนั้นมันช่วยสะท้อนให้เราได้รู้จักตัวละครแต่ละตัวด้วยว่าเขาเป็นแบบไหน

 

ตัวละครหลักทุกตัวมีจุดยืนที่ชัดเจนกันมาก ทุกคนมีเป้าหมายของตัวเอง และก็ต้องต่างหักเหลี่ยมเฉือนคมกันเล่นเกมการเมืองเพื่อหวังอำนาจ คือมันเป็นหนังไซไฟอวกาศที่ไม่ได้เน้นเรื่องความบันเทิงเป็นหลัก แต่จะออกแนวจริงจังและมีเนื้อหาหนักๆ เน้นไปที่เกมการเมือง ความโหดร้ายของสงคราม ไปจนถึงการใช้ความเชื่อและความหวังชักจูงผู้คน ซึ่งการที่มีเนื้อหาหนักๆ แบบนี้แต่จะทำให้ออกมาสนุกได้นั้นมันค่อนข้างยากมาก

 

แต่หนังเรื่องนี้กลับทำได้ แถมทำได้ดีมากด้วย ดีงามจนไร้ที่จะติเลย แต่ภาคต่อเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องบทเท่านั้น เพราะส่วนอื่นๆ ที่เหลือเองก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและยกระดับขึ้นมากกว่าภาคแรกเหมือนกัน ทั้งด้านการแสดงที่ก็ไร้ที่ติเช่นกัน นักแสดงทุกคนเล่นดีกันมากๆ รวมไปถึงนักแสดงชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในภาคนี้ก็แสดงกันได้สมบทบาทกันทุกคน ซึ่งหากอยากรู้ว่าแสดงดีแค่ไหนทุกคนต้องไปดูกันเอง

 

ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้คือจัดเต็มยิ่งกว่าภาคแรกอีก งานภาพสวยมาก สวยทุกซีนจริงๆ มุมกล้องดีงาม การจัดแสง เงา โทนสี การจัดฉาก ไปจนถึงเสื้อผ้าหน้าผมตัวละคร ทุกอย่างเพอร์เฟ็คหมด ฉากยิ่งใหญ่อลังการมาก โดยเฉพาะฉากสงครามท้ายเรื่องคือสุดยอดมาก งานเนี้ยบสุดๆ ซีจีก็ดีมาก คืองานภาพมันทำมาเพื่อดูในระบบ IMAX จริงๆ ใครจะไปดูแนะนำว่า IMAX เลยครับ คือไปดูแค่งานภาพก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว

 

แม้ว่าจะไม่ได้มีฉากแอ็กชันเยอะเท่าไหร่ แต่มันก็มีอยู่บ้างหลายฉาก ซึ่งทุกฉากที่ใส่เข้ามานั้นทำออกมาได้ดีหมดทุกฉากเลยจริงๆ สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าหากใครที่ชอบภาคแรกอยู่แล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจเลยว่าคุณก็จะชอบภาคนี้เหมือนกัน ส่วนคนที่ดูภาคแรกแล้วเบื่อ อันนี้ผมก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าคุณจะสนุกกับภาคนี้ได้ไหม อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยจริงๆ ไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ส่วนตัวผมอยู่ในฝั่งชอบ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือทุกคนต้องไปรับชมและตัดสินมันด้วยตาตัวเอง

 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


“Dune: Part Two” คือการนำนิยายไซไฟสุดคลาสสิกมาสู่จอเงินได้อย่างยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ การผสมผสานของงานภาพอันน่าตื่นตา การแสดงระดับคุณภาพ บทภาพยนตร์ที่ซับซ้อน และเรื่องราวชวนติดตาม ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสมบูรณ์ในตัวเอง แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวอันยาวไกล ก็ถือเป็นการต่อยอดที่น่าพึงพอใจและทำให้เราเฝ้ารอภาคต่ออย่างใจจดใจจ่อ

 

การแสดง ทิโมธี ชาลาเมต์กลับมาอีกครั้งในบท พอล อาร์เทรดีส และพิสูจน์ให้เห็นถึงพัฒนาการที่น่าสนใจของตัวละคร ชาลาเมต์สวมบทหนุ่มใหญ่ผู้พกความหวังและความเจ็บปวดไว้บนบ่าได้อย่างน่าเชื่อถือ รวมถึง เซนเดยา ที่ถ่ายทอดความลึกลับและความแข็งแกร่งของ ชานี ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ เหล่าทัพดาราดังมากฝีมือทั้งหน้าเก่าและใหม่ที่มาร่วมสมทบ ยกระดับการแสดงให้หนักแน่นและเข้มข้นขึ้นไปอีก 2u-hd.com

 

โปรดักชัน เดนิส วิลล์เนิฟ (Denis Villeneuve) สร้างมาตรฐานด้านงานสร้างเอาไว้อย่างสูง และ “Dune: Part Two” ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ภูมิทัศน์อันกว้างใหญ่ของอาราคิสถูกถ่ายทอดได้อย่างตราตรึง ชวนให้รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกทะเลทรายจริงๆ ด้านเครื่องแต่งกายยังคงยอดเยี่ยมสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแต่ละฝ่าย รวมถึงการดีไซน์หนอนยักษ์ชาไอ-ฮูลูด (Shai-Hulud) ก็ยิ่งสมจริง น่าหวาดหวั่น และที่ขาดไม่ได้เลยคืองานดนตรีประกอบจาก ฮานส์ ซิมเมอร์ ยังคงทรงพลัง เร้าอารมณ์ ปลุกความดุดันและความยิ่งใหญ่ของเรื่องราวออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

#หนังใหม่ #Dune2 #ดูนภาคสอง

 

กลับด้านบน

Report this page